5 ข้อผิดพลาดในการออกแบบเว็บไซต์ ที่ธุรกิจควรหลีกเลี่ยง
5 ข้อผิดพลาดในการออกแบบเว็บไซต์ ที่ธุรกิจควรหลีกเลี่ยง การออกแบบเว็บไซต์ ที่ดีมีความสำคัญ อย่างยิ่งต่อ ธุรกิจ ในยุคดิจิทัล เว็บไซต์ เปรียบเสมือนหน้าร้าน ออนไลน์ ของคุณ หากออกแบบไม่ดี อาจทำให้สูญเสียลูกค้า ได้ง่ายๆ เพื่อให้ เว็บไซต์ ของคุณมีประสิทธิภาพ และสามารถดึงดูด ลูกค้า ได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือ 5 ข้อผิดพลาด ที่ธุรกิจ ควรหลีกเลี่ยง เมื่อออกแบบเว็บไซต์
1. เว็บไซต์โหลดช้า
เว็บไซต์ที่โหลดช้า ไม่เพียงแต่สร้างความหงุดหงิด ให้กับผู้ใช้ แต่ยังส่งผลเสีย ต่อการจัดอันดับ SEO อีกด้วย ผู้ใช้ส่วนใหญ่ จะออกจากเว็บไซต์หากใช้เวลาโหลด เกิน 3 วินาที เพื่อแก้ปัญหานี้ ควรตรวจสอบ ประสิทธิภาพการโหลด และเลือกใช้รูปภาพ และไฟล์ที่มีขนาดเล็ก ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม วิธีเพิ่มความเร็วในการ load website
2. การออกแบบ ไม่รองรับมือถือ (Mobile-Friendly)
ในยุคปัจจุบัน การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ผ่านอุปกรณ์มือถือ มีมากกว่า 50% ของการใช้งาน เว็บไซต์ ทั่วโลก ดังนั้น เว็บไซต์ ที่ไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ จึงเสี่ยงต่อการสูญเสีย ผู้เข้าชม และลูกค้าไปอย่างมาก การออกแบบเว็บไซต์ที่รองรับมือถือ หรือ Responsive Design จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการสร้างประสบการณ์ ที่ดีให้กับ ผู้ใช้งาน รวมถึงเพิ่ม โอกาสในการ ทำ SEO ที่ดีขึ้น
ความสำคัญของ Mobile-Friendly Website
1. ปรับหน้าจออัตโนมัติ ตามขนาด ของอุปกรณ์: การทำให้เว็บไซต์ ปรับขนาด และแสดงผลอย่างเหมาะสม บนหน้าจอที่เล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ จะช่วยให้ ผู้ใช้ไ ม่ต้องซูม หรือเลื่อนเพื่อ อ่านข้อมูล ทำให้ใช้งานง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น
2. เพิ่มประสิทธิภาพ SEO : Google ให้ความสำคัญ กับการจัดอันดับเว็บไซต์ ที่รองรับการใช้งาน บนมือถือ หากเว็บไซต์ ไม่รองรับ มือถือ เว็บไซต์ ของคุณอาจ สูญเสีย การจัดอันดับ และลดการเข้าชม จากการค้นหาใน Google
3. เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) : เว็บไซต์ ที่ไม่รองรับมือถือ อาจทำให้ปุ่ม และฟังก์ชันต่าง ๆ ใช้งานได้ยาก ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ หงุดหงิด และออกจากเว็บไซต์ไป
วิธีทำให้เว็บไซต์รองรับ การใช้งานบนมือถือ
– ใช้การออกแบบแบบ Responsive: ออกแบบให้เว็บไซต์ สามารถปรับขนาดอัตโนมัติ ตามอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ใช้งาน เช่น หน้าจอมือถือ หรือแท็บเล็ต จะเห็นได้ว่า เว๊บไซด์ wirewolfstudio ของเราใช้เปิดอ่าน และใช้งานบนมือถือ และ อุปกรณ์หน้าจอต่างๆได้อย่างดี ไม่มีสะดุด
– ใช้ขนาดฟอนต์ และปุ่มที่เหมาะสม: ขนาดฟอนต์ ที่เล็กเกินไป หรือปุ่ม ที่คลิกยาก บนมือถือ สามารถทำให้ ผู้ใช้ หงุดหงิด ควรเลือก ขนาดฟอนต์ และปุ่ม ที่สามารถใช้งาน ได้ง่าย บนหน้าจอ ขนาดเล็ก
– ทดสอบการใช้งาน บนอุปกรณ์ต่างๆ: ควรทำการทดสอบเว็บไซต์ ผ่านเครื่องมือเช่น Google Mobile-Friendly Test เพื่อให้แน่ใจว่า เว็บไซต์สามารถใช้งานได้ดี บนอุปกรณ์ทุกชนิด ถ้ายังมีข้อสงสัย สามารถปรึกษา ทีมงาน wirewolfstudio ได้เลย
การทำให้เว็บไซต์ ของคุณรองรับการใช้งาน บนมือถือ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ ผู้ใช้งาน เข้าถึงข้อมูล ได้สะดวกขึ้น แต่ยังเป็นการเสริม ความสามารถในการแข่งขัน ทางธุรกิจ ในยุคดิจิทัล อีกด้วย
3. ขาดความชัดเจน ในการนำทาง (Navigation)
หนึ่งในข้อผิดพลาด ที่สำคัญ ในการออกแบบเว็บไซต์ คือการขาดความชัดเจน ในระบบนำทาง ซึ่งส่งผล โดยตรง ต่อประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience หรือ UX) และประสิทธิภาพ ของเว็บไซต์ ระบบนำทาง เป็นเหมือนแผนที่ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ ค้นหา สิ่งที่ต้องการ บนเว็บไซต์ ได้อย่างรวดเร็ว หากเมนู หรือแถบนำทาง ยุ่งเหยิง หรือไม่ชัดเจน อาจทำให้ผู้ใช้ สับสน และออกจากเว็บไซต์ไป
ผลกระทบ จากการนำทาง ที่ไม่ชัดเจน
1. ผู้ใช้ ค้นหาข้อมูลไม่พบ: เมื่อเมนู หรือหมวดหมู่ ของเว็บไซต์ ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ใช้ ใช้เวลามากขึ้น ในการหาข้อมูล ที่ต้องการ หรือในบางกรณี อาจหาข้อมูล ไม่พบเลย ซึ่งอาจทำให้ ผู้ใช้ ออกจากเว็บไซต์ ก่อนที่จะทำการ ซื้อสินค้า หรือสมัครบริการ
2. การลดลงของอัตราการแปลง (Conversion Rate) : อธิบายให้ง่ายขึ้น คือ เปรียบเสมือนเปอร์เซ็น ที่กลุ่มเป้าหมาย ผันตัวมาเป็นลูกค้าจากการกระทำ ที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ เช่น อยากให้ผู้เข้าชม สมัครสมาชิก หรือแม้แต่การซื้อสินค้า บนเว็บไซต์ ของคุณก็ตาม เว็บไซต์ที่มีระบบนำทาง ที่ไม่ชัดเจน จะส่งผลให้ผู้ใช้ ไม่สามารถทำกิจกรรม ที่ธุรกิจตั้งใจ ให้ทำได้ เช่น การซื้อสินค้า การลงทะเบียน หรือการกรอกฟอร์ม ทำให้อัตราการแปลง ลดลงอย่างมาก
3. การจัดอันดับ SEO ต่ำลง: ระบบนำทางที่ดี ช่วยให้เครื่องมือค้นหา เช่น Google เข้าใจโครงสร้าง ของเว็บไซต์ ได้ดีขึ้น หากเว็บไซต์ ขาดโครงสร้างที่ชัดเจน โอกาสที่เว็บไซต์ จะถูกจัดอันดับสูง ในหน้าผลการค้นหา ก็จะลดลง
วิธีแก้ไขปัญหานี้
– ใช้โครงสร้างเมนู ที่เรียบง่าย และชัดเจน: ควรจัดเรียงเมนู ให้อยู่ในลำดับ ที่สอดคล้องกับความต้องการ ของผู้ใช้ และหลีกเลี่ยง การใช้คำที่ซับซ้อน หรือคลุมเครือ
– ไม่ควรมีเมนูย่อย มากเกินไป: การมีเมนูย่อย หลายชั้น อาจทำให้ผู้ใช้สับสน การออกแบบเมนู ที่ไม่เกิน 2-3 ระดับ จะช่วยให้ การนำทาง ง่ายขึ้น
– เพิ่มระบบค้นหา (Search Bar): เว็บไซต์ ขนาดใหญ่ ที่มีข้อมูล จำนวนมาก ควรมีฟังก์ชัน ค้นหาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ ผู้ใช้ สามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการ ได้ง่าย และรวดเร็ว
การออกแบบ ระบบนำทาง ที่ชัดเจน และใช้งานง่าย ไม่เพียงแค่ช่วยให้ ผู้ใช้ เข้าถึงข้อมูล ได้รวดเร็วขึ้น แต่ยังช่วยเสริม ประสิทธิภาพ ของเว็บไซต์ ในด้านการเพิ่มยอดขาย และการเพิ่มการเข้าชม อีกด้วย
4. เนื้อหา ที่ไม่เป็นมิตร กับ SEO
การใส่ใจ แค่ดีไซน์โดยไม่สนใจเนื้อหา ที่เป็นมิตร กับ SEO เป็นความผิดพลาดใหญ่ การใช้คีย์เวิร์ด ที่เหมาะสม และการสร้างเนื้อหา คุณภาพสูง ที่สอดคล้อง กับการค้นหา ของผู้ใช้จะช่วยให้ เว็บไซต์ ของคุณมีโอกาสปรากฏ ในหน้าผลลัพธ์ การค้นหาของ Google มากขึ้น อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมเรื่อง การทำ SEO ได้ ทางเราได้เขียนไว้โดยละเอียดแล้ว คลิ๊ก
5. ไม่ให้ความสำคัญ กับ ความปลอดภัย (Security)
เว็บไซต์ ที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัย เช่น SSL หรือไม่มีการอัปเดต ปลั๊กอินต่างๆ เป็นจุดอ่อน ที่ทำให้ธุรกิจตก เป็นเป้า ของการโจมตีทางไซเบอร์ ความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ปกป้องธุรกิจ แต่ยังเพิ่มความเชื่อมั่น ให้กับผู้ใช้อีกด้วย
การไม่ให้ความสำคัญ กับความปลอดภัย (Security) ในการดำเนินธุรกิจ อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง ต่อการดำเนินงาน และความเชื่อมั่นของลูกค้า การไม่จัดการความปลอดภัย อย่างถูกต้องอาจนำไปสู่ปัญหาหลายด้าน เช่น ความเสี่ยง ต่อการโจมตีทางไซเบอร์ ข้อมูลสำคัญ รั่วไหล และผลกระทบด้านกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคล
1. ความเสี่ยง ต่อการโจมตี ทางไซเบอร์
การขาด การรักษาความปลอดภัย ที่ดีทำให้ธุรกิจ มีความเสี่ยง ที่จะถูกโจมตีจากมัลแวร์ (Malware), แรนซัมแวร์ (Ransomware), หรือการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) ซึ่งอาจทำให้ระบบขององค์กรล่ม และสูญเสียข้อมูล ที่สำคัญไป ตัวอย่างเช่น การไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ห รือไม่ใช้การเข้ารหัส (Encryption) ทำให้แฮกเกอร์ สามารถเข้าถึงข้อมูล ที่ละเอียดอ่อนได้ง่ายขึ้น
2. สูญเสียความน่าเชื่อถือจากลูกค้า
ความปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นเรื่องที่ลูกค้า ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ธุรกิจที่ไม่สามารถปกป้อง ข้อมูลส่วนบุคคล ได้อาจสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า หากข้อมูลบัตรเครดิต หรือรายละเอียดส่วนตัวอื่น ๆ ของลูกค้าถูกขโมย ผลลัพธ์ที่ตามมา คือการเสียโอกาสทางธุรกิจ และชื่อเสียงที่สร้างมานาน
3. ต้นทุนสูง จากการฟื้นฟู หลังการโจมตี
เมื่อเกิดเหตุการณ์ ข้อมูลรั่วไหล หรือถูกโจมตี ด้วยแรนซัมแวร์ ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ในการฟื้นฟูระบบ รวมถึงค่าปรับ จากการถูกโจมตีทางกฎหมาย นอกจากนี้ อาจต้องลงทุน จ้างผู้เชี่ยวชาญ หรือจ่ายเงินให้กับแฮกเกอร์ เพื่อกู้ข้อมูล ทำให้ธุรกิจ ต้องเสียเวลา และทรัพยากรมหาศาล
4. ผลกระทบด้านกฎหมาย
หลายประเทศ มีกฎหมายที่เคร่งครัด เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูล เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ในยุโรป หากธุรกิจไม่ปฏิบัติตาม อาจต้องเผชิญกับค่าปรับที่สูง หรือแม้แต่การถูกฟ้องร้อง จากลูกค้าที่ข้อมูลถูกขโมย
5. หยุดชะงัก ในการดำเนินงาน
หากเกิดการโจมตี ระบบไอที หรือการเข้าถึงข้อมูลสำคัญไม่ได้ ธุรกิจ อาจไม่สามารถดำเนินงาน ได้ชั่วคราว เช่น ไม่สามารถรับคำสั่งซื้อ หรือติดต่อสื่อสาร กับลูกค้าได้ ทำให้สูญเสียโอกาส และรายได้ ระหว่างช่วงเวลานั้น
การให้ความสำคัญ กับความปลอดภัยในธุรกิจ เป็นการลงทุนระยะยาว ที่ช่วยป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดขึ้น และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ให้กับลูกค้า และคู่ค้า ซึ่งมีผลดีต่อการเติบโต ของธุรกิจในอนาคต.
เพื่อนๆอ่านแล้วได้อะไรบ้าง ลองมาแบ่งบัน หรือสอบถามกันในได้กลุ่ม Digital Lab Facebook กลุ่มปิด ที่จะให้ข้อมูลหรือตอบคำถามที่คุณสงสัย ในเรื่องธุรกิจต่างๆ ที่ใช้การตลาดออนไลน์ ในการช่วยขับเคลื่อน คลิ๊กเลย
ตาคุณแล้ว
อ้างอิง : [WPAstra] , LeaseMyMarketing , Bluehost
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!