graphic design

เคล็ดลับการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ: แนวทางและขั้นตอนสำคัญ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีจากลูกค้าอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำอย่างมีประสิทธิภาพ

1. ทำความเข้าใจแบรนด์ของคุณ

ก่อนที่จะเริ่มสร้างแบรนด์ คุณต้องเข้าใจว่าตัวเองคือใคร และแบรนด์ของคุณมีเอกลักษณ์อะไรบ้าง ลองถามตัวเองว่า:

แบรนด์ของคุณมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างไร?

คุณต้องการให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณอย่างไร?

คุณมีค่านิยมและปรัชญาอะไรที่ต้องการสื่อสาร?

apple-logo

ตั้งแต่เรื่องราวในพระคัมภีร์ ของอาดัม และเอวาไปจนถึง แอปเปิ้ลที่ตกบนศีรษะของ ไอแซก นิวตัน แอปเปิ้ลมักจะอยู่รอบๆ เสมอ ซึ่งดึงเอาสัญลักษณ์ออกมาไม่น้อย เหตุใด Apple จึงเลือกแอปเปิ้ลเป็นสัญลักษณ์ในรูปภาพ และเหตุใดจึงมีการกัดในนั้น จึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับตำนานมากมาย ตั้งแต่การเป็นแอปเปิ้ลที่เจือด้วยไซยาไนด์ที่ Alan Turing พูดถึง ไปจนถึงการเล่นคำแบบเห็นภาพบน “ไบต์”
เขานักออกแบบ Rob Janoff กล่าวว่าการกัดเป็นวิธีแยกแยะแอปเปิ้ลที่เรียบง่ายจากผลไม้ชนิดอื่น แต่ความจริงที่ว่าโลโก้นี้มีชื่อเสียงมากจนไม่มีตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่บอกเล่าเรื่องราวในตัวเอง สัญลักษณ์ของแอปเปิ้ล (ที่มีการบิดเล็กน้อยดังที่กล่าวมาข้างต้น) เป็นสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ชัดเจนและตรงตามตัวอักษรสำหรับคำว่า “แอปเปิ้ล” โลโก้เชื่อมโยงภูมิปัญญาเก่าแก่ที่ติดดินเข้ากับสิ่งที่ร่วมสมัย เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเกิดขึ้นชั่วคราว อ่านแล้วเหมือนเป็นคำสัญญา

2. สร้างโลโก้และเอกลักษณ์ของแบรนด์

โลโก้และเอกลักษณ์ของแบรนด์เป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะจดจำ ควรออกแบบโลโก้ให้เรียบง่าย สื่อถึงแบรนด์ และใช้สีที่สะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์ การใช้ฟอนต์ที่เข้ากับบุคลิกของแบรนด์ก็เป็นสิ่งสำคัญ

ตัวอย่าง
nike logo

โลโก้ของ Nike ซึ่งออกแบบโดย Carolyn Davidson เป็นหนึ่งในโลโก้ที่โดดเด่นที่สุดในโลกอย่างแท้จริง ออกแบบได้แรงบันดาลใจจากแบบปีกของ Nike เทพีแห่งชัยชนะในตำนานเทพเจ้ากรีก และชื่อของบริษัท นอกจากนี้ยังดูเหมือนเครื่องหมายถูก และหมายถึงการทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ หรืออีกนัยหนึ่งคือ “Just do it! | เพียงแค่ทำมัน” ด้วยภาพเงาที่ลื่นไหลซึ่งกระตุ้นการเคลื่อนไหวและความเร็ว คุณสามารถมองเห็นได้ว่ามีพื้นที่เหลือเฟือในการปลูกฝังคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นการออกแบบที่เรียบง่ายและเป็นนามธรรม

3. การสื่อสารแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

ความสม่ำเสมอในการสื่อสารแบรนด์เป็นกุญแจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี ฟอนต์ โทนเสียง หรือข้อความ คุณต้องรักษาความเป็นเอกลักษณ์ในการสื่อสารทุกช่องทาง เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย โฆษณา และอีเมล

ตัวอย่าง การใช้สีและฟอนต์ที่สม่ำเสมอของ Coca-Cola ในทุกช่องทางการสื่อสาร

Coca-Cola

โฆษณา บนโซเชียลมีเดียของ Coca-Cola

4. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำมากขึ้น ตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็ว ให้คำปรึกษาที่มีประโยชน์ และสร้างความรู้สึกว่าลูกค้าเป็นคนสำคัญ นอกจากนี้ การทำกิจกรรมหรือแคมเปญที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมก็เป็นอีกวิธีที่ดี

ตัวอย่าง Starbucks ที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านโปรแกรมสมาชิกและกิจกรรมต่างๆ

Starbucks

กิจกรรมพิเศษและโปรโมชั่น

การสร้างกิจกรรม และโปรโมชั่นสุดพิเศษ ทำให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้น และสนใจบริษัท กิจกรรมเหล่านี้ อาจแตกต่างกันตั้งแต่การเปิดตัวรายการเมนูใหม่ ไปจนถึงคอนเสิร์ตดนตรี และนิทรรศการศิลปะ โดยทั่วไปแล้ว โปรโมชั่นเหล่านี้ มีไว้สำหรับสมาชิกรางวัลโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้การเข้าร่วมโปรแกรมมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ด้วยการมีส่วนร่วมในความคิดริเริ่มในท้องถิ่น ในสถานที่ที่พวกเขาดำเนินธุรกิจ บริษัทร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โรงเรียน และองค์กรในท้องถิ่น เพื่อสร้างโปรแกรมที่สร้างผลกระทบให้กับชุมชนของตน การมีส่วนร่วมนี้ทำให้สตาร์บัคส์สามารถสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้าและตั้งใจทำให้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น

5. บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์

การบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงและเข้าใจแบรนด์มากขึ้น เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการก่อตั้งแบรนด์ ความท้าทายที่เผชิญ และความสำเร็จที่ได้รับ เรื่องราวเหล่านี้ช่วยสร้างความรู้สึกและความผูกพันกับแบรนด์

AirBnB

ตัวอย่าง : เส้นทางการเล่าเรื่องของ Airbnb: การสร้างชุมชนแห่งการเป็นเจ้าของ

Airbnb ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดยได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมการบริการด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้คนสามารถเช่าบ้านให้นักเดินทางได้ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้เกิดจากรูปแบบธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการบอกเล่าเรื่องราวที่ทรงพลังที่ทำให้พวกเขาแตกต่างอย่างแท้จริง
กลยุทธ์การเล่าเรื่องของ Airbnb เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบหลักสามประการ:
ผู้คน: Airbnb มุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของเจ้าของที่พักและแขก โดยนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและการเชื่อมต่อที่แพลตฟอร์มนี้มอบให้
ประสบการณ์: Airbnb เป็นมากกว่าแค่การเสนอที่พัก พวกเขามอบประสบการณ์ท้องถิ่นที่แท้จริงแก่นักเดินทางซึ่งดูแลโดยเจ้าของที่พัก สิ่งนี้จะเพิ่มชั้นอารมณ์ให้กับการเล่าเรื่อง โดยเข้าถึงความปรารถนาในการผจญภัยและการดื่มด่ำกับวัฒนธรรม

การเป็นส่วนหนึ่ง: โดยแก่นแท้ของการเล่าเรื่องของ Airbnb คือการสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ ภารกิจของพวกเขาคือการทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม

พิมพ์เขียวการเล่าเรื่องของ Airbnb: ประเด็นสำคัญสำหรับแบรนด์

ทำให้เป็นเรื่องส่วนตัว: เรื่องราวของแบรนด์ของคุณควรสะท้อนถึงระดับอารมณ์ แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ของคุณหรือลูกค้าที่ได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ

มุ่งเน้นที่ประสบการณ์: ก้าวไปไกลกว่าฟีเจอร์และคุณประโยชน์ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่แบรนด์ของคุณสามารถสร้างได้ สิ่งนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับผู้ชมของคุณและทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง

เป็นตัวของตัวเอง: ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวนทางการตลาด ความถูกต้องมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ซื่อสัตย์ต่อคุณค่าของแบรนด์ของคุณและสร้างเนื้อหาที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณ

มีส่วนร่วมกับผู้ชมของคุณ: กระตุ้นให้ลูกค้าแบ่งปันเรื่องราวของตนเองที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความรู้สึกของชุมชนเท่านั้น แต่ยังมอบเนื้อหาที่มีคุณค่าที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่งสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือและการมีส่วนร่วมได้

ความสอดคล้องเป็นสิ่งสำคัญ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเล่าเรื่องของแบรนด์ของคุณมีความสอดคล้องกันในทุกจุดสัมผัส สิ่งนี้จะช่วยเสริมข้อความของแบรนด์ของคุณและสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่เหนียวแน่น

6. ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์

โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจ ใช้ภาพและวิดีโอเพื่อดึงดูดความสนใจ ตอบสนองกับผู้ติดตาม และใช้โฆษณาเพื่อเพิ่มการเข้าถึง

ตัวอย่าง : การใช้โซเชียลมีเดียของ Red Bull ที่มีเนื้อหาน่าสนใจและดึงดูดผู้ชม

Red Bull ยังเป็นผู้บุกเบิกโลกแห่งเนื้อหาที่มีแบรนด์อีกด้วย บริษัทได้สร้างแคมเปญเนื้อหาที่มีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึง Red Bull Music Academy และ Red Bull Soapbox Race แคมเปญเหล่านี้ช่วยให้ Red Bull มีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้อย่างมีความหมายมากขึ้น ที่สำคัญพวกเขาได้ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นผู้นำในโลกแห่งกีฬาเอ็กซ์ตรีมและวัฒนธรรม

ตลอดประวัติศาสตร์ Red Bull เป็นที่รู้จักในด้านแคมเปญโฆษณาที่กล้าหาญและสร้างสรรค์ แบรนด์ไม่เคยกลัวที่จะเสี่ยงและก้าวข้ามขีดจำกัด ความกล้าหาญของพวกเขาช่วยให้โดดเด่นในตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่าน

ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนกิจกรรมกีฬาผาดโผนหรือการสร้างวิดีโอไวรัล โฆษณาของ Red Bull มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าตื่นเต้นเช่นเดียวกับเครื่องดื่ม จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะกลายเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกชื่นชอบ แคมเปญโฆษณาของพวกเขาเป็นส่วนสำคัญของเหตุผลดังกล่าว

7. สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ

ประสบการณ์ที่ดีในการใช้สินค้าหรือบริการของคุณจะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น เน้นการบริการที่เป็นมิตรและเอาใจใส่ ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว และสร้างความประทับใจในทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์

ตัวอย่าง : การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำของ Amazon ด้วยการจัดส่งที่รวดเร็วและบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ

amazon

Amazon เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก โดยมีลูกค้าหลายล้านรายทั่วโลก การให้บริการลูกค้าที่เป็นเลิศถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัท เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจ ความภักดี และความไว้วางใจของลูกค้า กรณีศึกษานี้เน้นย้ำถึงวิธีที่บริษัทของเราให้บริการลูกค้าชั้นยอดแก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าบน Amazon

ความท้าทาย
ในฐานะผู้ให้บริการจากภายนอก เราเผชิญกับความท้าทายหลายประการในการจัดการข้อซักถาม ข้อร้องเรียน และคำสั่งซื้อของลูกค้าใน Amazon ลูกค้าสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก และลูกค้าก็มีความชอบและความคาดหวังที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ นโยบายและขั้นตอนของ Amazon ยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทีมของเราต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาประสิทธิภาพและความถูกต้องแม่นยำ

การแก้ไขปัญหา
เพื่อจัดการกับความท้าทาย เราได้ใช้โซลูชันหลายอย่างที่ช่วยเรามอบบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าของ Amazon เราลงทุนในทีมบริการลูกค้าที่มีทักษะสูงและผ่านการฝึกอบรม พร้อมด้วยทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหาที่เป็นเลิศ เพื่อรองรับการสอบถาม ข้อร้องเรียน และคำสั่งซื้อของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรายังพัฒนาโปรแกรมการประกันคุณภาพที่แข็งแกร่งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าของเราให้ข้อมูลที่สม่ำเสมอและถูกต้องแก่ลูกค้า

เราใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและปรับปรุงการดำเนินงานของเรา เราใช้แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้ลูกค้าได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วสำหรับคำถามที่พบบ่อย ลดเวลารอ และให้การสนับสนุนส่วนบุคคล นอกจากนี้เรายังใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามพฤติกรรมของลูกค้า ระบุแนวโน้ม และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า

ผลลัพธ์
ความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการลูกค้าที่เป็นเลิศส่งผลให้มีการปรับปรุงความพึงพอใจ ความภักดี และความไว้วางใจของลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ ลูกค้าชื่นชอบการตอบกลับอย่างทันท่วงที การสนับสนุนส่วนบุคคล และข้อมูลที่ถูกต้อง การใช้แชทบอทช่วยลดเวลารอลง 30% ในขณะที่เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้เราสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า และลดจำนวนการสอบถามของลูกค้าลง 20%

สรุป

การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ด้วยการทำความเข้าใจแบรนด์ของคุณ สร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจน สื่อสารอย่างสม่ำเสมอ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า บอกเล่าเรื่องราว ใช้โซเชียลมีเดีย และสร้างประสบการณ์ที่ดี คุณจะสามารถสร้างแบรนด์ที่เป็นที่จดจำและประสบความสำเร็จในระยะยาวได้

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณสามารถสร้างแบรนด์ที่เป็นที่จดจำได้ครับ!

ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาฟรีและดูตัวอย่างผลงานได้ทันที!
m.me/wirewolfstudio
Tel. 061 2623 953
Line : https://lin.ee/9V1S5LZ

การตลาดออนไลน์ ควรเริ่มต้นจากตรงไหน : แนวทาง และขั้นตอนที่ควรรู้

การตลาดออนไลน์ เป็นเครื่องมือ สำคัญ ที่ช่วยเพิ่ม การรับรู้ และยอดขาย ให้กับ ธุรกิจ ของคุณ การเริ่มต้น ทำการตลาดออนไลน์นั้นต้องมี การวางแผน อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ที่ดีที่สุด ด้านล่างนี้ เป็นขั้นตอน ที่ควรพิจารณา:

1. กำหนดเป้าหมาย และ วัตถุประสงค์ ในการทำ การตลาดออนไลน์

– ตั้งเป้าหมาย ที่ชัดเจน : เช่น เพิ่มยอดขาย, เพิ่มการรับรู้แบรนด์, เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า
– ระบุ กลุ่มเป้าหมาย : ระบุ ว่าใครคือ กลุ่มลูกค้า ที่ต้องการเข้าถึง เช่น อายุ เพศ ความสนใจ พฤติกรรมการซื้อ

2. วิเคราะห์ตลาด และคู่แข่ง ในด้าน การตลาดออนไลน์

– ศึกษาตลาด : ทำความเข้าใจ กับตลาด ที่คุณกำลังจะเข้าสู่ เช่น แนวโน้ม ความต้องการ ของผู้บริโภค
– วิเคราะห์ คู่แข่ง : ดูว่าใครคือคู่แข่ง และพวกเขา ใช้กลยุทธ์อะไร ในการทำการตลาดออนไลน์

3. สร้าง และ ปรับปรุง เว็บไซต์ ให้พร้อมสำหรับ การตลาดออนไลน์

– ออกแบบเว็บไซต์ ที่มีประสิทธิภาพ : ให้ความสำคัญ กับ UX/UI ทำให้ใช้งานง่าย และสวยงาม
SEO (Search Engine Optimization) : ปรับปรุง เว็บไซต์ใ ห้รองรับ การค้นหาของ Google เพื่อให้ เว็บไซต์ ปรากฏในหน้าผลลัพธ์ การค้นหา สูงสุด

online marketing การตลาดออนไลน์

4. สร้างเนื้อหา สำหรับ การตลาดออนไลน์ (Content Marketing)

–  เขียนบทความ และ บล็อก : ให้ข้อมูล ที่มีคุณค่า และเกี่ยวข้องกับ สินค้า/บริการ ของคุณ
–  สร้างเนื้อหาวิดีโอ : วิดีโอ น่าสนใจ สามารถดึงดูด ความสนใจ และเพิ่มการมีส่วนร่วม ได้ดี

5. ใช้ โซเชียลมีเดีย สำหรับ การตลาดออนไลน์ (Social Media Marketing)

– เลือก แพลตฟอร์ม ที่เหมาะสม : เช่น Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn เป็นต้น ขึ้นอยู่กับ กลุ่มเป้าหมาย
– โพสต์ เนื้อหา ที่น่าสนใจ : เนื้อหา ที่เป็นประโยชน์ สนุกสนาน หรือ สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อสร้าง การมีส่วนร่วม

6. การโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising)

Google Ads : โฆษณา ผ่านการค้นหา บน Google
Facebook Ads/Instagram Ads : โฆษณา ผ่านแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดีย

7. อีเมล์มาร์เก็ตติ้ง (Email Marketing)

–  สร้าง รายชื่อ ผู้รับจดหมาย : สะสมรายชื่อ ผู้สนใจ และลูกค้า ผ่านการ สมัครรับข่าวสาร
–  ส่ง อีเมล์ ที่มีคุณค่า : เช่น ข่าวสาร โปรโมชั่น หรือ บทความ ที่เป็นประโยชน์

8. วัดผล และ ปรับปรุง

– ใช้เครื่องมือ วิเคราะห์ : เช่น Google Analytics เพื่อ วัดผลการทำ การตลาดออนไลน์
– ปรับปรุง กลยุทธ์ : ตามผล ที่ได้รับเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพ

KPI Online Marketing การตลาดออนไลน์

ภาพนี้ เป็นภาพ แสดงกรอบงาน RACE Planning Framework สำหรับ การวางแผน การตลาดดิจิทัล

กรอบงาน RACE Planning Framework เป็นกรอบงาน ที่ออกแบบ มาเพื่อช่วยให้นักการตลาด วางแผน จัดการ และปรับแต่งกิจกรรม การตลาดดิจิทัล ของตน กรอบงานนี้ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

  • Reach (การเข้าถึง): ขั้นตอนนี้ มุ่งเน้นไปที่ การสร้างการรับรู้ และ เพิ่มจำนวน ผู้ชม สำหรับแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณ
  • Act (การกระทำ): ขั้นตอนนี้ มุ่งเน้นไปที่ การมีส่วนร่วม กับผู้ชมเป้าหมายข องคุณ และเปลี่ยนพวกเขา เป็นลูกค้า
  • Convert (การแปลง): ขั้นตอนนี้ มุ่งเน้นไปที่ การแปลงลูกค้าเป้าหมาย ของคุณ เป็นลูกค้า ที่ชำระเงิน
  • Engage (การมีส่วนร่วม): ขั้นตอนนี้ มุ่งเน้นไปที่ การรักษาลูกค้า ที่มีอยู่ และสร้างความภักดี

ในแต่ละขั้นตอน ของกรอบงาน RACE Planning Framework นั้น มีกิจกรรม และการวัดผลที่สำคัญ

Reach

  • จำนวน ผู้ชม
  • คุณภาพ ของผู้ชม
  • มูลค่า และต้นทุน ของผู้ชม

Act

  • จำนวน ผู้เข้าชม
  • เวลา ที่ใช้ บนเว็บไซต์
  • สมาชิก
  • ไลค์ และแชร์

Convert

  • ยอดขาย (ออนไลน์และออฟไลน์)
  • รายได้/กำไร
  • การแปลง และมูลค่า การสั่งซื้อ

Engage

  • การซื้อซ้ำ (มูลค่าตลอดชีวิต)
  • ความพึงพอใจ ของแบรนด์ และความภักดี
  • การสนับสนุน

กรอบงาน RACE Planning Framework เป็นเครื่องมือ ที่มีค่าสำหรับ นักการตลาดดิจิทัล ทุกคน กรอบงานนี้ สามารถช่วยให้นักการตลาด วางแผน และจัดการกิจกรรม การตลาดดิจิทัล ของตน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัดผลลัพธ์ ของกิจกรรมเหล่านี้ และปรับแต่ง กิจกรรมเหล่านี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ กรอบงาน RACE Planning Framework ยังสามารถช่วย ให้นักการตลาดดิจิทัล

  • กำหนดเป้าหมาย และกลยุทธ์ การตลาดดิจิทัล ของตน
  • เข้าใจ ลูกค้าเป้าหมาย ของตน
  • พัฒนาเนื้อหา และประสบการณ์ ที่ดึงดูด ลูกค้า เป้าหมาย ของตน
  • วัดผลลัพธ์ ของการตลาดดิจิทัล ของตน
  • ปรับแต่ง กิจกรรม การตลาดดิจิทัล ของตน ให้เหมาะสม กับผลลัพธ์

หากคุณ กำลังมองหา วิธีวางแผน จัดการ และปรับแต่ง กิจกรรม การตลาดดิจิทัลของคุณ กรอบงาน RACE Planning Framework เป็นเครื่องมือ ที่ยอดเยี่ยม สำหรับคุณ

การทำการตลาดออนไลน์ เป็นกระบวนการ ที่ต้องทำ อย่างต่อเนื่อง การทดลอง และปรับปรุง ตามข้อมูล และผลลัพธ์ ที่ได้รับ จะช่วยให้แคมเปญ ของคุณ ประสบความสำเร็จ มากขึ้น

ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาฟรี และดูตัวอย่างผลงาน ได้ทันที!
m.me/wirewolfstudio
Tel. 061 2623 953
Line : https://lin.ee/9V1S5LZ